ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดขอนแก่น ถูกมิจฉาชีพดูดเงินหายไปในพริบตาจากบัญชี จำนวนกว่า 1.19 ล้านบาท เหลืออยู่ 0.87 สตางค์ หลังกดลิงก์ปลอมสมัครบัตรของการบินไทย เผยเคยคิดฆ่าตัวตายแต่ได้ธรรมมะจากหลวงพ่อทำให้สู้มาครึ่งเดือนเตรียมตั้งทนายฟ้องธนาคารที่ไม่มีความปลอดภัย
ชมคลิป
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ก.พ.67 ว่าที่ร้อยตรี จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยเรื่องราว ที่ถูกมิจฉาชีพดูดเงินเกลี้ยงบัญชี ว่า ในวันที่ 2 ก.พ.67 ตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบินไป กทม.ในวันที่ 5-6 ก.พ. จึงได้ค้นเว็บตั๋วเครื่องบินในกูเกิล จากนั้นเห็นลิงกฺของสายการบินไทย จากนั้นได้สอบถามราคาตั๋ว แต่ก็ยังไม่ทันได้ซื้อตั๋ว เพราะจองสายการบินอื่นได้ก่อนเพราะราคาถูกกว่า จากนั้นได้มีไลน์สายการบินไทยได้ทักมาว่า สนใจสมัครสมาชิกไว้หรือไม่ ตนเองเห็นว่าสายการบินไทย เป็นของคนไทย สมัครสมาชิกไว้ก็ไม่เสียหลาย ถือเป็นการช่วยสายการบินของประเทศไทยไปในตัว จึงตัดสินใจสมัครโดยการส่งชื่อภาษาอังกฤษกับเบอร์โทรศัพท์ประจำตำแหน่งให้ ซึ่งไม่ใช่เบอร์ส่วนตัวที่ผูกกับแอพธนาคารกรุงไทย เพราะกลัวมิจฉาชีพ จากนั้นช่วงบ่ายได้มีไลน์ของการบินไทยที่ใช้ติดต่อกันนั้น วิดีโอคอลเข้ามาตนเองจึงรับสาย แต่ต้นทางไม่เปิดหน้า จากนั้นให้ตนเองยืนยันการสมัคร มีทั้งการสแกนใบหน้า ด้วยความที่คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัยของสายการบิน จึงต้องมีการสแกนใบหน้าและตั้ง รหัส ก่อนมิจฉาชีพจะวางสายไป
จากนั้นวันเดียวกันในช่วงค่ำ ตนเองจึงเปิดแอพธนาคารกรุงไทย เพื่อเช็คเงินในบัญชี แต่พอดูยอดเงินกลับเหลือเพียง 0.87 สตางค์ เกิดอาการช็อคว่าเงินหายไปได้อย่างไร วันเดียวกันในเวลา 5 ทุ่มจึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โทรเข้าธนาคาร ตอนเช้าก็ไปแจ้งธนาคาร แต่ทำอะไรไม่ได้ ทางตำรวจอายัดได้ 2 บัญชี ที่เงินถูกโอนไป คือ ธ.แลนดแอนด์เฮ้าส์ กับธ.กรุงศรี แต่มีเงินเหลือแค่ 300 บาทเศษในบัญชีที่ถูกอายัด จากนั้นตนเองจึงเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ที่ส่วนกลาง ก่อนจะทำเรื่องยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคกับธนาคารเจ้าของบัญชีทาง E-filing
ทาง ผอ.สำนักพุทธขอนแก่นยืนยันว่า ไม่ได้เกิดจากความประมาทของตนเองเพราะไม่ได้มีการเปิดแอพธนาคารกรุงไทยเลยในขณะทำรายการกับลิงก์ที่อ้างว่าเป็นของการบินไทย แต่เป็นการทักไปในไลน์ และส่งเฉพาะเบอร์มือถือที่ไม่ได้ผูกกับธนาคาร และตั้งค่าการโอนเงินไว้ไม่เกิน 500,000 บาท แต่เคสนี้โอนออกเป็นล้าน และการโอนเงินเกิน 50,000 ต้องสแกนใบหน้า ซึ่งที่ว่ามาก็เป็นเพียงการให้ธนาคารผู้รับฝากชดใช้เงินอันเกิดจากระบบความปลอดภัยทางธนาคารไม่เพียงพอ แต่ท้ายสุดในส่วนของคดีอาญา ก็ตามเอาเงินคืนกับมิจฉาชีพชีพไม่ได้อยู่ดี เพราะหาตัวตนไม่เจอ และในวันเดียวกันกับที่ ผอ.ท่านถูกดูดเงินนั้น มีคนไปธนาคารพร้อมผอ.อีก 2 คน โดยคนนึงถูกดูดไปถึง 4 ล้านบาท ทาง ผอ.จึงดำเนินคดีจ้างทนายฟ้องธนาคาร โดยนำทองไปขายเพื่อนำเป็นค่าใช้จ่ายและฟ้องคดี
ในวันแรก ยอมรับว่าคิดฆ่าตัวตาย จึงได้โทรไปลาพระผู้ใหญ่ที่ตนรู้จัก จากนั้น “พระท่านสอนว่า คนเราเกิดมาตัวเปล่ากลับไปก็ตัวเปล่า ฉะนั้นอย่าให้การสูญเสียครั้งนี้มาทำลายชีวิตเราที่เหลืออยู่” ทำให้ตนเองตัดสินใจที่จะไม่ทำร้ายชีวิตของตนเอง
Leave a Response