พ่อ นร.ป.3 เผย! ที่มาซ้อนแผน รวบรอง รอง.ผอ.เรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ

IMG_4056

พ่อ นร.ป.3 ไม่คาดคิด จะถูกรองผอ.เรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะ ขณะที่ สส.ขอนแก่น ออกมาเปิดโปง ผลักดันให้แก้ปัญหาทั้งระบบ

 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 มีคำสั่งย้าย รองผู้อำนวยการโรงเรียนที่ถูก ป.ป.ช.จับกุมขณะเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ยะย้ายนักเรียน ไปปฏิบัติงานที่สำนักงานเขตฯชั่วคราว และตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริง  ขณะที่ผู้ปกครองนักเรียน ที่ถูกเรียกรับเงิน ซึ่งเป็นผู้เสียหายเดินทางมาให้ข้อมูลกับ ส.ส.ขอนแก่น เขต 2 และ สส.ได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ เรียกร้องให้ผู้ปกครองที่ถูกเรียกรับเงินคนอื่นๆออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหานี้ทั้งระบบ เพราะเชื่อว่าปัญหาแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่โรงเรียนเดียว

ต่อมาเวลา 17.30 น.วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 นายอิทธิพล ชลธราศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น เขต 2 พรรคก้าวไกล โพสเรื่องราวในเฟสบุ๊คส่วนตัว อิทธิพล ชลธราศิริ – Itthiphon Chontharasiri – แบงค์ชัย พรรคก้าวไกล เผยแพร่ข้อมูลปัญหาการเรียกรับรับเงินแป๊ะเจี๊ยะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่เรียกรับเงินจากผู้ปกครอง เพื่อรับย้ายนักเรียนระหว่างปีการศึกษา โดยนัดมอบเงินในห้องทำงานส่วนตัวในโรงเรียน เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา 

ซึ่งข้อความในเฟสบุ๊ค เขียนว่า สำหรับเคสนี้นะครับ ผมขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมระเบียบการย้ายระหว่างปีการศึกษา (ระเบียบกระทรวงคือห้องเรียนหนึ่งไม่เกิน 40 คน) ย้ายระหว่างชั้น เช่น ป.2 มาเข้า ป.3 แบบนี้เป็นต้น ถ้ามีห้องว่าง ที่นั่งว่าง ที่ยังไม่ถึง 40 คนต่อห้อง โรงเรียนสามารถรับนักเรียนได้ และนักเรียนต้องได้เข้าเรียนหมดถ้าตรงตามเงื่อนไขชัดเจนว่าเกณฑ์ต้องมีอะไรบ้าง ไม่สอบตกมา เกณฑ์เท่านี้ๆ อะไรประมาณนี้ครับ ส่วนค่าธรรมเนียมอันนี้ให้สิทธิ์โรงเรียนประกาศ โรงเรียนต้องประกาศว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อะไรบ้าง แต่ว่าเคสนี้ก็ไม่ได้เขียนประกาศไว้ หรือที่เราได้ยินกันบ่อยๆกรณีบริจาค ต้องมีการระบุเฉพาะเจาะจงครับว่าบริจาคเพื่ออะไร แล้วก็ต้องออกใบเสร็จด้วย

อันนี้พอเด็กประสงค์จะย้าย ก็มาลงชื่อสมัคร ทางโรงเรียนก็ตรวจเอกสาร แล้วให้วัดประเมินโดยการให้นักเรียนอ่านบทความภาษาไทย เขียนตามคำบอก อ่านเสร็จก็เรียกผู้ปกครองเข้าห้องรอง ผอ. คนที่อ่านได้ ก็เรียก 10,000 บาท คนอ่านไม่ได้เรียกรับ 20,000 บาท แล้วก็ถามอาชีพผู้ปกครอง บางรายก็เรียก 5,000 เลทราคาจึงอยู่ที่ 5,000-20,000 บาท แล้วก็มีทั้งแบบออกใบเสร็จ ไม่ออกใบเสร็จ รอบนี้มีนักเรียนประสงค์ย้ายระหว่างชั้นเรียนประมาณ 100 คน แต่ที่ปปช.เข้าจับคือผู้ปกครองเข้ามาจ่ายแล้วประมาณ 70 คน แล้ววิธีการคือบางคนเก็บ 10,000 ออกใบเสร็จ 5,000 ส่วนอีก 5,000 ก็เอาไปให้ใครล่ะ ที่ไม่ได้ออกใบเสร็จอะไร บางรายก็ไม่ออกใบเสร็จเลย ก็ชัดเจนอยู่แล้วครับมันคือการเรียกรับ ทำผิดซึ่งหน้า ผิดกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 เคสนี้ทางผู้ปกครองพอได้รับแจ้งว่าต้องจ่าย 10,000 บาท เขาก็ว่ามันไม่ถูกต้องเขาก็ร้องเรียนมา ผมได้รับเรื่อง ผมก็ประสานไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจสอบแล้วก็ผลก็เป็นตามที่ข่าวออกครับ ในฐานะ สส. และ เป็นคนหนึ่งที่เรียนที่จบมาทางด้านนี้ ก็อยากจะพัฒนาระบบการศึกษาประเทศเรา ให้มันดี ให้มันสุจริต โปร่งใส มีคุณภาพ  นี่มันคือระบบการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นะครับ ถ้าเริ่มต้นด้วยการทุจริตแบบนี้ ประเทศชาติบ้านเมืองเราจะพัฒนายังไงครับ

ผมจะทำทุกทางตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ครับ ไม่ว่าจะใช้กลไกในสภา การอภิปรายญัตติต่างๆที่เกี่ยวกับด้านการศึกษา หรือ การอภิปรายงบประมาณ หรือ กลไกในสภาอื่นๆ หรือแม้แต่วิธีการที่กำลังทำอยู่นี้คือ เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนรับเรื่องร้องเรียนติดตามตรวจสอบ ขยายผลส่งต่อเรื่องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนมีการจับกุมในครั้งนี้เป็นต้นครับ นี่คือสิ่งที่ผมจะขับเคลื่อนผลักดันครับ 

รวมทั้งหากพี่น้องประชาชน พบเห็นการทำงานของหน่วยงานราชการของรัฐ ประพฤติไม่ชอบ ส่อแนวทางทุจริต ขอให้ท่านอย่ากลัว ขอให้ท่านได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดไว้ อย่าปล่อยให้คนแบบนี้ลอยนวลพ้นผิด ส่งหลักฐานให้ ปปช. หรือส่งมาให้ผมก็ได้ ผมขอยืนยันว่าผมจะติดตามตรวจสอบให้ถึงที่สุดในฐานะผู้แทนราษฎรของท่านที่เลือกผมมาทำงาน  เรามาร่วมกันสร้างพื้นที่ ที่ไม่มีความเหลื่อมล้ำ โรงเรียนเท่ากัน คนเท่ากัน ประชาชนเท่ากัน นักเรียนเท่ากัน

ในขณะที่บิดาของนักเรียนชั้น ป.3 (ไม่ขอเปิดเผยตัวตน และไม่ให้ชื่อสกุล) กล่าวว่า  ตนเป็นผู้ปกครองนักเรียน ชั้น ป.3 พาบุตรย้ายโรงเรียนระหว่างปีการศึกษาจาก ป.3 โรงเรียนเดิม ย้ายมาเข้าป.3 ในโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งโรงเรียนไม่มีประกาศรับสมัคร มีเพียงการสมัครเข้าเรียนระดับชั้นอนุบาล,ป.1 หรือ ม.1 แต่ได้โทรศัพท์สอบถามไปที่โรงเรียนก่อนแล้ว โดยทางคุณครูฝ่ายอำนวยการบอกว่า สามารถเข้ามาสมัครได้ทุกวัน แต่ในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงสงกรานต์ จึงได้ไปที่โรงเรียนวันที่ 24 เม.ย.2567 และเขียนใบสมัครช่วงก่อนเที่ยง ครูแจ้งว่ากินข้าวเที่ยงเสร็จค่อยเข้ามาทดสอบเล็กๆน้อยๆบางอย่าง จึงพาลูกไปกินข้าวแล้วย้อนกลับมาที่โรงเรีบนตามที่ครูบอก 

“เมื่อกลับมาที่โรงเรียน ครูนำกระดาษมาให้อ่านคล้ายนิทานเรื่องหนึ่ง แล้วให้เขียนตามคำบอก 20 คำ ลูกทำผลทดสอบได้ 17 เต็ม 20 โดยคุณครูได้นำข้อทดสอบนี้แนบไปกับแฟ้มใบสมัครและพาไปที่ห้องรองผอ. โดยได้เชิญเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว โดยรองผอ.บอกว่า ปกติมีค่าใช้จ่าประมาณ 20,000 บาท แต่ลูกของคุณอ่านออกเขียนได้ ผมเอา 10,000 บาท ตนก็อ้ำอึ้งเพราะไม่รู้มาก่อนว่าต้องมีค่าใช้จ่าย 10,000 เพราะในความเข้าใจของตน คิดว่าโรงเรียนรัฐ น่าจะจ่ายแค่ค่าเทอม 2,700 บาท โดยรองผอ.กำชับว่า รับเงินสดเท่านั้น ตนจึงบอกว่า จะมาจ่ายวันหลัง”

 จากนั้นจึงได้ร้องเรียนไปยัง ปปช.และส.ส.ขอนแก่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบเรื่อง และขอฝากถึงผู้ปกครองนักเรียนให้สังเกตุพฤติกรรมที่ส่อแววเรียกรับเงินแป๊ะเจี๊ย หากทางโรงเรียนให้ผู้ปกครองจ่ายเงินสดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น ให้สันนิษฐานได้ทันทีว่าอาจจะเป็นการทุจริตเรียกรับเงิน และเงินนั้นไม่สามารถไปลดหย่อนภาษีได้ ถึงจะเป็นใบเสร็จก็ต้องดูว่าเป็นของทางราชการจริงหรือไม่ เงินที่จ่ายนั้นบอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายไม่ได้บอกว่าเป็นเงินอะไร ซึ่งเข้าใจได้ว่าเป็นเงินแป๊ะเจี๊ยเพราะสังคมไทยจะมีแบบนี้ในข่าวตลอด 

หลังการร้องเรียนในฐานะผู้ปกครองนักเรียน ก็นัดจ่ายเงินวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2567 โดยมีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.วางแผนจับกุม ซึ่งในวันจ่ายเงิน ทราบว่า มีนักเรียนที่สมัครขอย้ายระหว่างปีการศึกษา 100 กว่าคน มีการจ่ายเงินกว่า 70 คน แต่ละคนจ่ายไม่เท่ากัน โดยทางโรงเรียนยังเปิดรับสมัครนักเรียนที่ขอย้ายระหว่างปีการศึกษา ไปจนถึงวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ด้วย

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง