คืบรอง ผอ.รร.ดังสังกัด สพป.ขก.เขต 1 ถูกกล่าวหารับเงินแป๊ะเจี๊ยะจากผู้ปกครองนักเรียน ล่าสุด ผอ.เขตฯ สั่งพักราชการ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ภายหลังคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพป.ขก.เขต 1 ตรวจสอบพบมีมูลผิดวินัยร้ายแรง
เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ที่ สำนักงาน สพป.ขอนแก่น เขต 1 นายอารยันต์ แสงนิกุล ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 1 ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงกรณีที่รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่รับผิดชอบของ สพป.ขอนแก่น เขต 1 รับเงินแป๊ะเจียะ 10,000 บาท จากผู้ปกครองนักเรียน ที่ย้ายบุตรมาเข้าเรียนในชั้นป.3 และถูกรองผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกรับเงิน ผู้ปกครองจึงร้องเรียนต่อ ปปช.จนถูกจับกุมตัวพร้อมเงินสด ภายในห้องทำงาน เมื่อเย็นวันที่ 29 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา
นายอารยันต์ แสงนิกุล ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 1 กล่าวว่า กรณีรองผู้อำนวยการสถานศึกษาในสังกัด สพป.ขอนแก่น เขต 1 เรียกรับเงิน เพื่อให้นักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียน จนถูกเจ้าหน้าที่ ปปช.จับกุมตัวได้พร้อมเงินสด และแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตามมาตรา 149 เรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ กับมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่นั้น
หลังทราบเรื่องจึงได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ลงพื้นที่ตรวจสอบรายละเอียด และประสาน ปปช.เพื่อขอทราบข้อเท็จจริง ซึ่งตามเอกสาร หลักฐาน พบว่ามีมูลความผิดตามที่ ปปช.แจ้งข้อกล่าวหา คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มีความเห็นว่า กรณีดังกล่าว มีมูลตามพยานหลักฐานจากกระบวนการการดำเนินการของ ปปช. เชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยร้ายแรง และในวันเดียวกัน ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1 ได้ออกคำสั่งพักราชการ รองผอ.รร.ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมกับได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงทันที แต่เมื่อมีการกระทำที่ผิดวินัยร้ายแรง จึงสั่งให้พักราชการ ห้ามปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้รับเงินเดือน ไปจนกว่าคดีจะสิ้นสุด
ผอ.สพป.ขอนแก่น เขต 1 กล่าวอีกว่า การรับนักเรียนในโรงเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สพป.ขอนแก่น เขต 1 ที่มีจำนวน 150 โรงเรียนนั้น ที่ผ่านมา สพป.ขอนแก่น เขต 1 เข้มงวดมาตลอดให้ทุกโรงเรียนปฏิบัติตามกฏระเบียบที่กระทรวงกำหนดเท่านั้น โดยล่าสุดได้ให้ ปปช.และ สตง.มาให้ความรู้ และห้ามรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียนเป็นอันขาด แต่ก็ยังมีข้าราชการอย่างรองผู้อำนวยการ กล้าทำ กล้าเรียกรับ ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดจากการกระทำส่วนตัว ฉะนั้นการที่มีผู้ปกครองออกมาบอกว่า มีนักเรียนมามอบตัวและย้ายเข้ามาในโรงเรียนดังกล่าวประมาณ 100 กว่าราย และมีการจ่ายเงินเช่นเดียวกัน แต่จ่ายในจำนวนที่ไม่เท่ากันกว่า 70 รายนั้น ก็ต้องให้คณะกรรมการตรวจสืบสวนข้อเท็จจริงทำการตรวจสอบว่า มีการจ่ายเงินจริงหรือไม่ และใครมีส่วนรับเงิน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดมีการรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือ สพฐ.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Leave a Response