ใจดำสุดๆ เก๋งสีขาวขับย้อนศรชนจักรยานยนต์2คันของวัยรุ่นชาย อายุ 15 – 16 ปี แล้วรีบหลบหนีส่งคนในรถเข้าหมู่บ้าน แล้วขับย้อนไปทางที่เกิดเหตุ เจอกู้ภัยกำลังช่วยเหลือน้องทั้งสองแต่ไม่สนใจขับไปหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วอนตำรวจช่วยเร่งติดตามตัวคนขับเก๋งมารับผิดชอบ
ชมคลิป
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 พ.ค.2567 นางรัศมี ชิตทอง อายุ 46 ปี น้าสาว อยู่บ้านเลขที่ 49 ม.7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมด้วย นางนิภาวรรณ สมัครการ พี่สาว อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 140/1 ม.7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น นำหลักฐานคลิปจากกล้องวงจรปิด และกล้องหน้ารถพลเมืองดีบันทึกเหตุการณ์อุบัติเหตุ นายปรมินทร์ สอนหยุด อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นหลานชายและน้องชายของทั้งคู่ ขับรถจักรยายนยนต์กำกลังกลับบ้าน ถูกรถเก๋งสีขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียนแน่ชัด ย้อนศรตรงจุดยูเทิร์นตัดหน้า จยย.นายปรมินทร์ ซึ่งขับมากับรถ จยย.เพื่อนอีกคัน คือนาย ศักดิ์วิกรานต์ แพงอะมะ อายุ 16 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106/1 ม.7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ทำให้จยย.ทั้ง 2 คันชนเข้าที่กลางลำและช่วงท้ายรถเก๋ง คนขับกระเด็นออกจากจยย.นอนเจ็บสาหัสอยู่กลางถนน ส่วนรถเก๋งสีขาวขับย้อนศรหลบหนีไป เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา พร้อมใบแจ้งความลงบันทึกประจำวันมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน ขอให้พลเมืองดีที่ทราบข่าว ช่วยแจ้งเบาะแสของรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อรุ่นและหมายเลขทะเบียนที่แน่นชัด เพื่อให้ทางตำรวจได้เป็นเบาะแสในการติดตามคนขับรถเก๋งสีขาวคันดังกล่าวมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางนิภาวรรณ สมัครการ อายุ 32 ปี พี่สาว ของนายปรมินทร์ สอนหยุด อายุ 15 ปี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 21.40 น. เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2567 ที่ผ่านมา น้องชายโทรศัพท์มาบอกว่ารถชนตรงแยกยูเทิร์นหมู่บ้านสีวลี ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังรับสายก็รีบไปที่โรงพยาบาลทันที ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำส่งโรงพยาบาล น้องเล่าให้ฟังว่า รถเก๋งจะยูเทิร์นแต่ย้อนศรมาชน ซึ่งเป็นรถเก๋งสีขาวแต่ไม่ทราบรายละเอียดอื่นๆของรถ ตนเองจึงได้ติดต่อกับร้อยเวร ร้อยเวรแจ้งว่าในวันเกิดเหตุนั้นมีเหตุซ้ำซ้อน เหตุการณ์ของน้องจึงยังไม่ทราบว่าเป็นมายังไง คู่กรณีเป็นใคร พอเราได้ใบบันทึกประจำวันจึงได้โพสต์หาเบาะแสในโซเชียล ซึ่งมีพลเมืองดีส่งคลิปจากกล้องหน้ารถให้ ซึ่งสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุเอาไว้ แต่ไม่เห็นเลขทะเบียนยเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน
โดยภาพในกล้องที่บันทึกเอาไว้นั้น จะเห็นรถเก๋งสีขาว ไม่แน่ชัดเรื่องยี่ห้อรถบางข้อมูลก็บอกว่าเป็นนิสสัน อีกข้อมูลก็บอกเป็นมาสด้า มาจากทางบ้านทุ่มจอดรถอยู่ในจุดยูเทิร์น เหมือนจะเลี้ยวกลับรถ แต่ขับย้อนศรตัดข้ามเลนมาเลนซ้ายสุด และก็พุ่งชนน้องทันที ตนเองเมื่อทราบเบื้องต้นจึงได้ไปขอดูกล้องของหมู่บ้านต่างๆ กระทั่งมาได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านจัดสรรโครงการหนึ่ง เห็นตอนชนและย้อนศรขึ้นมาแล้วเข้าหมู่บ้านจัดสรรที่มีกล้อง แต่เข้าไปไม่ได้เพราะไม่ใช่ลูกบ้าน ก่อนจะออกมาแล้วย้อนศรขึ้นไปอีก แล้วเลี้ยวเข้าไปที่หมู่บ้านข้างกัน แล้วเข้าไปคุยตรงป้อมยาม แต่ไม่ใช่ลูกบ้านซึ่งจะใช้วิธีเข้าแบบช่องทางติดต่อแลกบัตร แต่ไม่ยอมแลกบัตร รปภ.จึงไม่ให้เข้า คนขับเก๋งจึงขับถอยไปหน้าทาง เข้าหมู่บ้านเพื่อที่จะส่งลูกบ้านของหมู่บ้านนี้ลง ซึ่งในคลิปเห็นมีคนลงจากรถน่าจะ 3 คน ก่อนจะเดินเข้าไปในหมู่บ้าน น่าจะ 1 หรือ 2 คน ส่วนคนขับก็ขึ้นรถแล้วขับกลับไปทางที่เกิดเหตุ รอที่จะยูเทิร์นกลับเข้าเมือง ซึ่งจะต้องเห็นเหตุการณ์ที่กู้ชีพกู้ภัยกำลังช่วยเหลือน้องอยู่ตรงจุดเกิดเหตุ แต่คนขับรถเก๋งสีขาวใจดำมาก ขับกลับยูเทิร์นผ่านเข้าเมืองไปแบบไม่สนใจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหลังจากยูเทิร์นไปได้ก็หลบหนีไปทันทีทำให้ตอนนี้ตนเองและครอบครัวตามภาพจากกล้องวงจรปิดเองมาได้เพียงเท่านี้ และยังไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม ซึ่งยังต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามตัวคนขับรถเก๋งมารับผิดชอบคนเจ็บและซ่อมรถ และอยากขอความช่วยเหลือ ฝากพลเมืองดีช่วยแจ้งเบาะแส และหากเพื่อนๆของคนขับเก๋งหรือใครที่รู้จักก็อยากให้บอกให้มารับผิดชอบกับเด็กที่ถูกชน และรถจักรยานยนต์ของเด็กๆ อีกทั้งใกล้เปิดเทอมแล้วก็ยังต้องรักษาตัวอีกยาว อยากให้มารับผิดชอบในส่วนที่ได้ทำผิด เพราะเราก็ไม่ได้ต้องการเรียกร้องอะไรมากมายขนาดนั้น อยากให้เข้ามาพูดคุยกัน ส่วนทางคดีก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ขณะที่นาง รัศมี ชิตทอง อายุ 46 ปี น้าสาวนายปรมินทร์ กล่าวว่า ตอนนี้อาการของหลานชายออกมารักษาตัวต่อที่บ้านแล้ว ซึ่งมีแผลถลอกทั่วร่างกาย ฟันหน้าหัก 1 ซี่ ปากฉีกด้านซ้ายเย็บ 5 เข็ม หัวเข่าไม่สามารถลงน้ำหนักได้เยอะ ส่วนเพื่อนที่ขับรถจักรยานยนต์กลับพร้อมกันนั้นเท่าที่พูดคุยกับทางครอบครัวทราบว่า กระดูกต้นขาหัก สมองร้าว เลือดออกดวงตาขวา หางคิ้วแตกเย็บ 4 เข็ม หมอเพิ่งอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวต่อที่บ้านได้ 2 วัน และเมื่อวานเราเพิ่งได้กล้องวงจรปิดมาเพิ่ม เห็นรถเก๋งคันนี้ทั้งตอนชนและตอนกลับไปติดอยู่ตรงยูเทิร์นที่เกิดเหตุกว่า 2 นาที กว่าจะได้ยูเทิร์นเข้าเมือง และต้องผ่านรถกู้ชีพที่ให้การช่วยเหลือคนเจ็บตรงนั้นถึง 2 คน แต่ก็ยังใจดำ ไม่รู้สึกรู้สาขับไปอย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้เบาะแสยังไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นใคร ตอนนี้ผ่านไป 2 สัปดาห์แล้ว หากเป็นคนมีเงินหน่อยก็กลัวว่ารถคันนี้จะไปเข้าอู่ทำสีใหม่ โดยไม่ผ่านประกัน ไม่ให้ใครรู้ว่ามีเหตุแบบนี้เกิดขึ้น ป่านนี้คงทำสีไปเรียบร้อยแล้ว เท่าที่ดูคาดว่าจะเป็นรถนิสสัน เพาซ่า แต่ก็มีคนแย้งว่าเป็นมาสด้าหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่บ้านว่าเป็นนิสสัน ส่วนทะเบียนไม่เห็นเลย หากขับเข้าไปอีกนิดก็จะเห็นทะเบียน เหมือนคนขับรู้ ทำให้ไม่ไปถึงจุดที่มีกล้องส่องทะเบียน แล้วกลับรถออกไปเลย ในส่วนที่มีคนลงรถเข้าไปในหมู่บ้านนั้น หากเป็นลู฿กบ้านก็จะต้องมีคีย์การ์ดแล้วประตูเปิดอัตโนมัติ แต่เข้าทางอีกประตูเป็นช่องทางติดต่อขอเข้ากับ รปภ.เพื่อแลกบัตรกับยาม แต่ใช้วิธีเดินเข้าไปในหมู่บ้านฝั่งประตูทางออกที่ไม่มีกล้องจับภาพเอาไว้ได้ แล้วเข้าไปในซอย 6 ของหมู่บ้านแห่งนี้ และทางหมู่บ้านก็พยายามดูกล้องช่วยแต่ก็ไปสิ้นสุดเพียงกลางซอยแต่ไม่ทราบว่าบ้านหลังไหน
Leave a Response