คืบหน้าลูกค้าร้านตัดผมหื่น ช่วยตัวเองบนเก้าอี้ในร้านตัดผมขณะนอนโกนหนวด เจ้าของร้านสาวถึงกับผวาแจ้งความไม่มีหลักฐานตำรวจให้ถ่ายรูปมาใหม่ครบทุกมุม ล่าสุดผกก.สภ.เมืองขอนแก่น สั่งเร่งล่าตัวมาสอบสวน แจงกรณีไม่รับแจ้งความ เป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน ให้พนักงานสอบสวนหญิงประสานสอบปากคำเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมาย
มีกรณีโลกโซเชียลโพสต์และแชร์ภาพของชายคนหนึ่ง แต่งกายดูดี เข้ามาใช้บริการตัดผมกับช่างตัดผมสาว ก่อนจะทำการอนาจารด้วยการช่วยตัวเองบนเก้ากี้ตัดผมในร้าน พร้อมข้อความระบุว่า “คนนี้คือโรคจิตที่เข้ามาช่วยตัวเองในร้านตัดผมของพิมพ์เมื่อเดือนเมษายนวันที่ 12วันนี้มันกลับมาอีกรอบตอนนี้มีรูปคนที่เข้ามาทำอนาจารในร้านพิมพ์ไปแจ้งความแต่ตำรวจไม่รับแจ้งความไม่ยอมลงบันทึกประจำวันให้บอกหลักฐานไม่ชัดเจนจะให้ชัดเจนได้ไงก็เขาทำอยู่ใต้ผ้าคลุมตัดผมมันจะเห็นได้ไงแล้วก็ไม่ขอดูหลักฐานอะไรเลยให้เราไปเล่าเรื่องเหตุการให้ฟังพอให้จบๆไปแล้วก็ไม่ทำอะไรให้เลยบอกแต่ให้เราไม่ต้องกลัวนะๆแต่ไม่ทำอะไรให้เลยแบบนี้ก็ได้เหรอคะแล้วประชาชนอย่างเราควรต้องทำยังไงดีใครมีวิธีแนะนำหน่อยไหมว่าเราต้องทำยังไงคะตอนนี้คือกลัวมากแล้วพิมพ์ก็ทำงานคนเดียวอยู่คนเดียวตลอด เตือนภัยขอนแก่น”
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 พฤษภาคม 2567 พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น สั่งการให้ ร.ต.อ.สิทธิพงษ์ พลแสน รอง สวป.สภ.เมืองขอนแก่น แก่นพร้อมเจ้าหน้าที่สายตรวจลงพื้นที่มาที่ร้านตัดผมดังกล่าว พร้อมสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประสานทางชุดสืบสวนเร่งติดตามหาตัวชายดังกล่าวมาสอบสวนที่โรงพัก หลังมีกรณีดังกล่าวปรากฏในสื่อโซเชียล พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับทางผู้เสียหาย
โดยผู้สื่อข่าวสอบถามไปยัง พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น ทราบว่า กรณีดังกล่าวนั้น จากการสอบถามพนักงานสอบสวนหญิงที่เข้าเวรรับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์ในคดีดังกล่าว บอกว่า วันที่ผู้เสียหายเดินทางมาที่สภ. เมืองขอนแก่น ด้วยเรื่องเกี่ยวกับเพศ และเป็นคดีเกี่ยวกับเกี่ยวกับการอนาจารซึ่งเป็นความผิดส่วนบุคคล จะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน แต่เนื่องจากในวันเกิดเหตุนั้น เจ้าของร้านตัดผมเข้ามาขอปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น โดยทางพนักงานสอบสวนหญิงได้พูดคุยเป็นชั่วโมงและได้สอบถามว่าประสงค์จะดำเนินคดีหรือลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนหรือไม่ แต่ผู้เสียหายเป็นการมาขอปรึกษาก่อน ทำให้อาจเป็นการเข้าใจสื่อสารที่คลาดเคลื่อนกัน แต่ทั้งนี้ภายหลังที่ทราบก็ได้สั่งการให้ชุดสายตรวจลงพื้นที่ป้องปรามเหตุ ในจุดที่เกิดเหตุและใกล้เคียงอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งให้พนักงานสอบสวนหญิงประสานไปยังเจ้าของร้านตัดผมเพื่อมาสอบปากคำ หากผู้เสียหายประสงค์แจ้งความดำเนินคดีก็สามารถทำได้ทันที ส่วนความผิดเป็นเรื่องของการอนาจารเป็นความผิดส่วนบุคคลหลักฐานจึงต้องมีความชัดเจนและในวันเกิดเหตุ ไม่มีมุมกล้องที่จะสามารถจับภาพขณะขณะกระทำการอนาจารได้ ซึ่งจะได้มีการสอบปากคำและประสานชุดสืบสวนติดตามตัวชายดังกล่าวมาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
Leave a Response