ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นำทีมปีนเขาทำเนียบ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าผายาว หรือผาแต้ม ในอ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ชวนนักท่องเที่ยวที่ชอบการผจญภัย ขึ้นมาชมวิวหน้าผาที่มีภาพเขียนสีพิธีกรรมขอฝนโบราณ เสียดายหากสูญหายไปเพราะนักธุรกิจ ถามเป็นข้อคิดคุณจะรวยได้สักกี่ช่วงรุ่นของคุณ แต่ถ้าอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ กินยาวชั่วลูกชั่วหลาน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 มิ.ย.2567 ที่บ้านซำขาม หมู่ 8 ต.ดงลาน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยมัคคุเทศน์ นำทีมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ชาวบ้าน และสื่อมวลชน ขึ้นไปชมภาพสีโบราณพิธีกรรมขอฝน อายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานกรมศิลปกร สำนักที่ 8 แล้ว โดยทางเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 8 ให้ข้อมูลว่าเป็นภาพเขียนที่มีความสำคัญทางโบราณคดี เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพิธีขอฝน โดยภาพเขียนแสดงลักษณะคนกำลังร่ายรำท่าทางคล้ายกบ และภาพคนตีกลองมโหระทึก เพื่อใช้ในการประกอบพิธี โดยมีคนเข้าร่วมในพิธีจำนวนหลายคน โดยใช้เวลาในการขึ้นเขาประมาณกว่า 20 นาที ก็สามารถไปถึงจุดที่มีภาพเขียนสีดังกล่าว โดยบรรยากาศสามารถชมวิวทิวทัศน์ภูเขาต่างๆที่อยู่รอบด้าน ซึ่งมีทั้งภูเขาที่ขึ้นกับอุทยานแห่งชาติภูผาม่าน ซึ่งมีภาพเขียนสีโบราณเช่นกัน และเป็นสิ่งที่สอดคล้องเชื่อมโยงกันอีกด้วย และยังพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังมีความเชื่อมโยงกับหลายพื้นที่ ที่ทำให้เชื่อว่าในบริเวณพื้นที่แห่งนี้และติดกันทั้งใน จ.ชัยภูมิ จ.ขอนแก่น จ.เพชรบูรณ์ เป็นสถานที่ที่มีคนอาศัยอยู่มาก่อนยุคประวัติศาสตร์ ทั้งสถาปัตยกรรม ข้าวของเครื่องใช้โบราณ โครงกระดูกมนุษย์โบราณ และภาพเขียนสีที่ปรากฎเหล่านี้
โดยมัคคุเทศน์ที่พานักท่องเที่ยวขึ้นมาชมในวันนี้ให้ข้อมูลจากทางกรมศิลปากรที่ 8 ว่า ภาพเขียนสีโบราณที่เห็นบนผายาวหรือผาแต้มแห่งนี้ เป็นภาพพิธีกรรมขอฝน โดยจะเห็นได้ว่าเป็นขบวนเกี้ยวกบ และคนที่ทำลักษณะเหมือนกบ รวมทั้งมีกลองมโหระทึกเป็นรูปกบ และทุกภาพแสดงถึงความเป็นกบ โดยกบเป็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับการขอฝนจากพญาแถน พร้อมทั้งได้ทำการนับจำนวนคนที่มาร่วมในพิธีได้ 200 คน
ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวภายหลังขึ้นมาชมภาพสีโบราณพิธีกรรมขอฝนว่า ในวันนี้ที่ได้ขึ้นมานั้น เนื่องจากได้ทราบข้อมูลจากทางสื่อมวลชนว่ามีภาพเขียนสีโบราณอยู่บนภูเขาทำเนียบ ในพื้นที่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น จึงอยากที่จะมาเห็นด้วยตาตัวเอง เพื่อจะได้มีการผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในทิศทางที่จะสามารถทำได้ โดยเขาแห่งนี้ขึ้นกับทางกรมอุทยานแห่งชาติ และได้รับทราบข้อมูลข้อร้องเรียนความห่วงใยของชาวบ้านในพื้นที่ เพราะในบริเวณนี้ห่างจากเขาที่ได้รับการสัมปทานทำเหมืองแร่ระเบิดหินเพียง 200 เมตรเท่านั้น และจะได้รับผลกระทบเต็มหากมีการดำเนินการระเบิดหิน ซึ่งในส่วนของภาพสีโบราณนั้น เราคิดแทนชาวบ้านไม่ได้ เพราะเป็นยุคสมัยใหม่แล้ว
เราควรเอาชาวบ้านเป็นตัวตั้ง แล้วราชการคอยสนับสนุนทางด้านวิชาการจะดีกว่า เปิดให้คนได้ขึ้นมาเรียนรู้จากชาวบ้านในพื้นที่ ในส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ อย่าทำตัวเป็นผู้รู้จนเกินไป ควรเอาชาวบ้านเป็นตัวตั้ง เอาความต้องการของชาวบ้านเป็นหลัก ที่ผ่านมาคิดแทนชาวบ้านมาเยอะแล้ว และผลออกมาก็พังแทบทั้งหมด ไม่มีความยั่งยืน จะเห็นได้จากศูนย์โอท็อป ช่วงหนึ่งที่มีการโปรโมท หรือเออีซี ใครก็พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวสู่ เออีซี ต่อมาก็พังกันหมด แต่หากธรรมชาติเหล่านี้ยังอยู่เราก็สามารถต่อยอดในชุมชนได้ตลอดไปชั่วลูกชั่วหลาน ซึ่งอำเภอสีขมพูเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นธรรมขาติค่อนข้างสูง หากจะเสียพื้นที่ไปในด้านธุรกิจก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย แต่หากอยู่คู่กับอ.สีชมพูก็จะสามารถส่งต่อรุ่นต่อรุ่นได้ ถ้าเราคิดแต่เรื่องเศรษฐกิจ ระเบิดเขา ถามว่าคุณจะรวยได้สักกี่ช่วงรุ่นคุณ แต่ถ้าอนุรักษ์ธรรมชาติไว้ มีกินยั่งยืน ยาวชั่วลูกชั่วหลาน ในวันนี้ที่ได้ขึ้นมาดูด้วยตาตัวเอง ถือว่าคุ้มค่ามาก
Leave a Response