ต่างชาติ อยู่คอนโด 75 % “คนไทย และ หมาไทย ห้ามเข้า”

ปะจัน

“ปะจัน” โดย “เขี้ยวจัน”

ที่นี่….ไม่ใช่คอลัมน์ร้องทุกข์ แต่เป็น การสังคมอุดมปัญญา ลุกขึ้นมา “ทวงสิทธิ” ของการเป็นพลเมืองผู้ตื่นรู้ เจ้าของคะแนนเสียงที่เลือก “ตัวแทน” ในทุกระดับ ของการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารบ้านเมือง ด้วยข้าราชการ “ตัวแทน” จากส่วนกลาง ทุกกระทรวง ทบวง กรม…[ หน้ารวมบทความ ปะจัน ]

รายงานยอดขาย คอนโด โดย “ฐานเศรษฐกิจ” ในงวดไตรมาส 1 ปี 2567 พบว่า  มีต่างชาติ ซื้อคอนโด ในเมืองไทย มูลค่ารวม ราวกว่า 18,000 ล้านบาท เยอะสุดที่ จีน  (44 %)

ฟังดู พอเพลิน ก็คิดว่า เขาคงสนใจเข้ามาลงทุน มาอยู่ มาเที่ยว ตามจุดขายที่เราใช้เครื่องยนต์ เรื่อง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นพลังขับเครื่องเศรษฐกิจ

แต่เมื่อ เปิดหงายไพ่ โดยสมาคมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7 แห่ง ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาล แก้ไข พรบ.อาคารชุด (ฉบับที่ 4) .. 2511

แก้ไข เรื่อง ใหญ่ ระดับประเทศ คือ การอนุญาต ให้ คนต่างชาติซื้อ คอนโดมิเนียม ได้ จาก 49 % เป็น 75 % หมายความว่า ใน 100 ห้อง จะมี ต่างชาติ เป็นเจ้าของ ได้ 75 ห้อง

คนทั้งประเทศ (ยกเว้น เจ้าของธุรกิจคอนโด ) ส่งเสียง คัดค้าน เพราะคงได้ไม่คุ้มเสีย และเป็นการช่วยผู้ประกอบการ เจ้าของคอนโด ระบายสินค้า คอนโด ที่เหลือกันหลายร้อยแท่ง ยิ่ง “นายกเศรษฐา” ทำธุรกิจอสังหาฯ ยิ่งเป็นข้อครหา ว่า แสวงหาประโยชน์ใส่ตัวและพวกพ้อง เป็นการเฉพาะ งานนี้ หลายฝ่ายจึงต้องออกมา แสดงความเห็นกันหลายมุม

จริงอยู่ การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ คนมีตังค์ซื้อขายกันได้ทั่วโลก คนรวยคนไทย ยังไปซื้อบ้าน ซื้อคอนโด ในอังกฤษ ในอเมริกา กันได้เลย  แต่ท่ามกลางความเสรีทางการค้า เขาจะมีข้อกำหนดเป็นข้อย่อย อีกมากที่จะพิทักษ์ ความเป็นชาติ ” และ “ผลประโยชน์ของประเทศชาติ “ ของเขาไว้เป็นขั้น เป็นตอน ไม่ได้เป็นการล่อนล้อน เปิดโล่งผ่านตลอด เหมือนประเทศสารขัฑ์ ที่สำคัญคือ กฎหมายเขาเข้มมาก ผิดเป็นผิดมีบทลงโทษ ไม่มีการหิ้วถุงขนม ถูกเป็นถูกให้ผ่าน ไม่ต้องมีเส้นสาย

เมื่อขายสินค้าประเภทอสังหาริมทรัพย์ จบลง แต่เรื่องราว เพิ่งจะเริ่มต้นของการ พักอยู่อาศัย การใช้สอยอาคาร การใช้ชีวิตร่วมกัน ของคนทั้งอาคาร การเคารพกฎ กติกา ข้อกำหนดของ นิติบุคคลอาคารชุด” ซึ่งเป็นบริการหลังการขาย ที่ต้องอยู่ร่วมกันอีกหลายปี หรืออาจชั่วชีวิต ความโกลาหล จะเกิดขึ้น หากต่างคน ต่างเชื่อชาติ ต่างวัฒนธรรม มาอยู่รวมกัน แบบไม่เข้มข้น เรื่องกติกา หรืออาจเจอ “คนหัวหมอ” คราวนี้ละ เมืองไทยจะอยู่กัน ยังไง ?

คุณพิสิฐ ชูประสิทธิ์ นายกสมาคมนักบริหารอาคารชุดหมู่บ้านจัดสรรไทย ให้ความเห็นไว้น่าสนใจ ชวนคิด ชวนติดตาม ก่อนที่จะลงมือแก้ไข ว่า

1 คอนโด ว่างๆ มีเยอะ สัดส่วนของผู้ซื้อ ที่เป็นต่างชาติ ยังไม่เต็ม 49% จะมีมูลเหตุใด จึงจะขยาย เป็น 75% ยกเว้น ต้องการ ช่วยระบายของในมือ ของผู้ประกอบการ เป็นการช่วยเปิดทางให้คนเฉพาะกลุ่ม และคนจนกว่า ค่อนประเทศ มีนโยบายไหนบ้าง (ยกเว้นจ้องกู้มา จะแจก) แล้วจะรับผิดชอบ ผลที่ตามมาในอนาคต กันไหม ว่าบ้านเมืองจะโกลาหล อย่างไร หรือเพียง โกยเงินเข้ากระเป๋าตังเอง แล้วจบกัน แบบนี้ เห็นแก่ส่วนรวม  ของชาติบ้านเมืองไหม

2 การซื้อของคนต่างชาติ อาจเป็นการเกร็งกำไร หรือ ฟอกเงินสีเทา และอาจจัดเก็ค่าบำรุงส่วนกลาง เพื่อให้นิติบุคคลอาคารชุดนำมาใช้บริหารงานส่นกลาง บำรุง ซ่อมแซม ขยะ น้ำ ไฟ ไม่ได้อาคารจึงอาจทรุดโทรม กลายเป็น ตึกร้าง สลัมสูงในเมือง

3 อาจเป็นชุมชน เฉพาะชนชาติ เป็นอาณาจักรเฉพาะ ที่ครั้งหนึ่งเคย พบเห็นป้าย ติดว่าว่า “ห้ามคนไทยและหมาไทย เข้าพื้นที่แบบนี้ เป็นการเสียอธิปไตย ในแผ่นดินไทยไหม

แค่คิด พยากรณ์ และคาดการณ์ ใน 3 ข้อ  ยัง ปวดตับ แหละ

การบริหารประเทศ ใช่เพียงมอง 4 ปี ของรัฐบาลแต่ละยุคสมัย แต่เป็นการวางรากฐานให้ประเทศ ชาติและคนรุ่นใหม่ ได้เดินทางต่อไป อย่างร่มเย็น

อายุของ มนุษย์ ยืนยาวขึ้น ใย “รัฐบาลเศรษฐา” ออกมาพูดทุกครั้งว่า จะทำหน้าที่ ใน 4 ปีจริงอยู่ว่า ตามวาระคือ 4 ปี แต่วางแผนให้ประเทศชาติได้ยาวกว่านั้นไหม  ทำยังกะว่า จะสิ้นใจ ใน 4 ปี ทั้งที่อายุเฉลี่ยของคน เพิ่มขึ้น

นี่ไงที่เขาเรียกว่า “วิสัยทัศน์” หรือ Vision ของ “ผู้นำ” …….หรือจะมี “ผู้นำ ตัวจริง” หรือ “ผู้นำ กว่า” อีกกันละ……

ข้อแถม : มีผู้เสนอว่า จากบัญชีรายงานทรัพย์สินของ นักการเมือง และข้าราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ แต่ละคน อู้ฟู้มาก นับร้อยล้าน พวกเขาควร มาช่วยซื้อ คอนโด คนละ ห้อง สองห้อง ยอดขายก้พุ่งกระฉูด ทันที

………………………………………………………………………..

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง