พ่อค้า-แม่ค้าขอนแก่นไม่สนใจเงินดิจิทัล วอลเล็ต หวั่นข้อมูลรั่ว-เกณฑ์ไม่ครอบคลุม

IMG_0122

พ่อค้า-แม่ค้าขอนแก่นส่วนใหญ่ไม่สนใจลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต เหตุหลักเกณฑ์ไม่ครอบคลุมร้านขนาดเล็กและกลัวข้อมูลรั่วไปถึงแก๊งคอลเซนเตอร์ พร้อมหวั่นปัญหาภาษีย้อนหลังจากโครงการรัฐก่อนหน้านี้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ส.ค. 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของพ่อค้าแม่ค้าในเขตเทศบาลนครขอนแก่นเกี่ยวกับการเปิดรับลงทะเบียนร้านค้าภายใต้โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต จากการสอบถามพบว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ไม่อยากลงทะเบียนเพราะร้านขนาดเล็กมองว่าไม่ได้ช่วยอะไรในระดับรากหญ้าและยังกังวลเรื่องข้อมูลจะหลุดไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์

นายประยูร อายุ 54 ปี พ่อค้าตลาดบางลำภู กล่าวว่า ร้านยืนยันไม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเพราะอยากขายเป็นเงินสดมากกว่าเพื่อที่จะนำเงินที่ขายได้มาหมุนเวียนซื้อของสดได้ในวันต่อไป อีกทั้งร้านไม่ได้จดทะเบียนการค้าหรือลงทะเบียนใดๆกับภาครัฐ จึงคาดว่าขั้นตอนและการดำเนินงานน่าจะยุ่งยากมาก

“จริงๆก็ไม่ได้อยากลงทะเบียนตั้งแต่แรกอยู่แล้วเพราะกลัวว่าจะโดนภาษีย้อนหลังเหมือนโครงการที่ผ่านๆมา เพราะร้านค้าที่เข้าโครงการรอบที่แล้วก็โดนภาษีไปเยอะ และอีกอย่างที่นี่เป็นตลาดสดพ่อค้าแม่ค้าต้องการเงินสดมากกว่า ใช้ทีละ 20-30 บาท ไม่รู้จะลงไปทำไมและรัฐบาลจะจ่ายคืนให้ก็ต้องรอถึง 6 เดือน ร้านจะเอาเงินที่ไหนมาหมุนเพราะถ้าระหว่างนั้นถ้ารับเป็นเงินสดจะมีเงินหมุนทุกวัน จึงมองว่าโครงการนี้ไม่ได้ช่วยกระตุ้นในระดับล่าง เพราะพ่อค้าแม่ค้าในตลาดต้องใช้เงินสดต่อยอดมาขายของมากกว่า”

ขณะที่ น.ส.อารยานี เนียมประดิษฐ์ นักธุรกิจชาวขอนแก่น กล่าวว่า จากการพูดคุยและสอบถามพ่อค้าแม่ค้า ล้วนบอกว่ารายละเอียดโครงการต่างๆยังไม่มีความชัดเจน จะได้เงินแบบไหนก็ไม่เห็นบอกไว้ ขณะที่คนลงทะเบียนใช้สิทธิเองก็ยังงงกันอยู่เลยว่าเมื่อไรจะได้ใช้เงินกันแน่ เพราะเลื่อนตลอดเวลา ทั้งยังคลุมเครือว่าจะใช้แบบไหน ใช้กับใครได้บ้างในส่วนของข้อห้ามและคนที่จะไม่ได้รับกลับระบุไว้ชัดเจน

“มุมพ่อค้า แม่ค้า ซึ่งมีความกังวลและกำลังเป็นกระแสข้อมูลต่างๆที่ลงทะเบียนกันเยอะกลัวว่าข้อมูลจะรั่วไหลไปยังแก๊งคอลเซนเตอร์เพราะรัฐบาลเองก็ยังจัดการปัญหานี้ไม่ได้เลยจะให้ชาวบ้านไว้ใจได้อย่างไร เพราะข้อมูลชัดเจนเกินไปทำให้แก๊งเหล่านี้มีข้อมูลเราเยอะขึ้นฝากรัฐบาลเรื่องนี้ด้วยเพราะยังไม่เห็นจัดการอะไรได้เลย ถึงตอนที่เปิดลงทะเบียนร้านค้าก็จะยังไม่กล้าลงทะเบียนเพราะยังรู้สึกไม่ปลอดภัย และที่พ่อค้าแม่ค้ากลัวอีกอย่างคือกลัวจะโดนภาษีย้อนหลังเหมือนโครงการที่ผ่านๆมา”

น.ส.อารยานี กล่าวต่ออีกว่า โดยส่วนตัวคิดว่าโครงการไม่ช่วยอะไรในทางธุรกิจแค่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ของประชาชน เพียงนิดๆหน่อยๆเหมือนหยดน้ำที่หล่นมาในผืนทรายและหายไป แต่ก็ประชาชนไม่มีทางเลือกคงต้องลงใช้งาน ในส่วนของตาสีตาสาให้มาทำออนไลน์ทำไม เพราะแค่หาอยู่หากินธรรมดาเค้าก็คงมองว่าเรื่องเหล่านี้ไม่น่าจำเป็น จึงมองว่าโครงการนี้ไม่สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรเป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟางไปเท่านั้น

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง