กะทิเป็นวัตถุดิบสำคัญในอาหารไทยและอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้มาจากการนำเนื้อมะพร้าวแก่มาผสมกับน้ำ จนกลายเป็นของเหลวข้นที่มีกลิ่นหอมและรสชาติมัน เนื้อสัมผัสเนียนละเอียดของกะทิทำให้เป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ไม่เพียงแค่ในไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศต่างๆ เช่น ฮาวาย อินเดีย และในภูมิภาคแคริบเบียน
จากข้อมูลทางโภชนาการ กะทิมีแคลอรี่สูงถึง 93% จากไขมัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไขมันอิ่มตัวที่เรียกว่าไตรกลีเซอไรด์สายโซ่ขนาดกลาง (MCT) โดยกะทิยังเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินซี โฟเลต แมกนีเซียม และทองแดง ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เนื่องจากกะทิมีปริมาณไขมันสูง จึงควรบริโภคอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของไขมันในร่างกาย
ในด้านการเผาผลาญและการลดน้ำหนัก กะทิเป็นแหล่งของกรดไขมัน MCTs ซึ่งงานวิจัยบางชิ้นระบุว่าอาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ลดความอยากอาหาร และมีส่วนช่วยในการลดไขมันในระยะสั้น แต่ปริมาณ MCTs ที่พบในกะทินั้นมีไม่มากพอที่จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยเกี่ยวกับผลกระทบของกะทิต่อคอเลสเตอรอลและสุขภาพหัวใจยังมีจำกัด การศึกษาในผู้ชาย 60 คนพบว่า การบริโภคโจ๊กกะทิช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL “เลว” และเพิ่มระดับ HDL “ดี” แต่การตอบสนองต่อกรดลอริกในกะทิอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
นอกจากนี้ กะทิยังอาจมีประโยชน์ต่อการลดการอักเสบ การรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และการต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ แต่อย่างไรก็ดี งานวิจัยที่ยืนยันผลเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการศึกษาในสัตว์ทดลอง จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์เพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้
Leave a Response