“รมว.ยุติธรรม“ เยี่ยมผู้บำบัดยาเสพติด หลังแม่ทนไม่ไหวสร้างห้องขังลูกไว้ในบ้าน ชมขอนแก่นเป็นตัวอย่างปราบปรามเข้มแข็ง

IMG_6053

“ทวี” เยี่ยม “เอ็ม” หนุ่มบุรีรัมย์ที่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น ครบ 1 อาทิตย์ หลังแม่ทนไม่ไหวสร้างห้องขังลูกเนื่องจากติดยาและการพนัน พบอาการดีขึ้น พร้อมประกาศเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจัง และสร้างคนให้มีความรู้ความสามารถทัดเทียมนานาประเทศ

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 พ.ย. 2567 ที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม และคณะผู้บริหารจากกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เยี่ยมนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งถูกนางสารภี (ขอสงวนนามสกุล) อดีตข้าราชการครูเกษียณ ซึ่งเป็นมารดา สร้างห้องขังไว้ภายในบ้านพัก หลังทนกับพฤติกรรมการติดยาเสพติดและการพนันไม่ไหว โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ขอนแก่น, พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น, นายพันเทพ เสาวโกศล รอง ผวจ.ขอนแก่น, นพ.ชาญชัย ธงพานิช ผอ.รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น และนายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมืองขอนแก่น ร่วมให้การต้อนรับ

พ.ต.อ.ทวี ได้พูดคุยกับนางสารภีผ่านระบบวิดีโอคอล เพื่อให้กำลังใจและรายงานความคืบหน้าขั้นตอนการบำบัดรักษาในระยะ 1 สัปดาห์ที่นำตัวนายเอ็มจาก จ.บุรีรัมย์มาบำบัดที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น ก่อนที่จะเข้าตรวจติดตามการบำบัดฟื้นฟูนายเอ็ม ซึ่งอยู่ในกระบวนการบำบัดของ รพ. ร่วมกับผู้บำบัดรายอื่นตามตารางกิจกรรมที่กำหนด

นายเอ็มกล่าวว่า การเข้ารับการบำบัดที่นี่ต่างจากที่อื่น ซึ่งตั้งใจเข้ารับการบำบัดรักษาตามวิธีทั้งหมดเพื่อที่จะเลิกและกลับบ้าน และขอฝากเพื่อน ๆ ที่มาบำบัดให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจ จะได้กลับบ้านพร้อมกัน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นที่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐต้องจริงจังในการปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด แม้บางพื้นที่รัฐจะรายงานเป็นศูนย์ แต่ชาวบ้านแจ้งว่ายังมียาเสพติดระบาดหรือมีพื้นที่เสี่ยง แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เราต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันทุกฝ่าย กรณีนายเอ็ม เดิมอาจจะมองว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช และเข้ารับการรักษาที่ รพ.นางรอง หรือหน่วยบำบัดต่าง ๆ มาแล้วกว่า 10 ครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ส่งมาบำบัดที่ รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น ซึ่งครอบครัวก็มีความหวังว่านายเอ็มจะหายขาดตามวิธีการบำบัดทางการแพทย์เฉพาะทาง และที่สำคัญคือนายเอ็มมีลูกด้วย ดังนั้น กระบวนการสร้างความเข้มแข็งที่เริ่มจากครอบครัวต้องจริงจังและชัดเจน

“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด ยกตัวอย่างธวัชบุรีโมเดล ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่และกำหนดเป็นพื้นที่นำร่องปลอดยาเสพติด ซึ่งต้องเข้มงวดตรวจซ้ำทุกพื้นที่อย่างละเอียด ควบคู่ไปกับการบำบัด ซึ่งในการบำบัดรักษาขอนแก่นเป็นตัวอย่างที่สำคัญที่ทำได้จริงและอยู่ในลำดับต้น ๆ ของประเทศ เพราะเมื่อปราบปรามจับกุมผู้ค้ามาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว ผู้เสพยังคงมีการบำบัดด้วยวิธีทางการแพทย์ ตรวจเข้ม ตรวจซ้ำจาก รพ. แล้วยังคงมาอยู่ในศูนย์ฟื้นฟูหรือซีไอที่ตั้งขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้นำที่ทำจริง และต้องการแก้ไขปัญหาให้กับจังหวัดลงลึกไปในระดับอำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ก้าวต่อไปคือการสร้างคน”

รมว.ยุติธรรม กล่าวต่ออีกว่า จากข้อมูลผู้ที่ถูกคุมขังในคดียาเสพติด พบว่ามีกว่า 200,000 รายที่การศึกษาอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าภาคเรียนบังคับ ดังนั้นการสร้างคนให้มีคุณภาพแม้จะเป็นผู้ที่ถูกคุมขังหรือต้องราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมจะนำเรื่องนี้มาบูรณาการกับกระทรวงศึกษาธิการหรือกระทรวง อว. ให้กับผู้ที่ถูกคุมขังได้เรียน ทั้งแบบวิชาการและวิชาชีพ เพราะเมื่อกลุ่มคนเหล่านี้พ้นโทษออกไปก็จะมีความรู้จากงานด้านวิชาการและวิชาชีพติดตัวไปด้วย อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ครั้งนี้พบว่าผู้เสพที่เข้ารับการบำบัดนั้นมีอายุต่ำสุดคือ 14 ปี และติดมาจากสังคมในครอบครัว แม้จะเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาแล้ว แต่ก็เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลยอมไม่ได้และจะต้องทำงานกันอย่างหนักและจริงจังมากขึ้น

Leave a Response

ใส่ความเห็น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง