📌 ความเครียดพุ่ง คนไทยหันกินของหวาน
📌 โรคเบาหวานพุ่ง อายุน้อยก็ไม่เว้น
📌 อาการเตือน อ่อนเพลีย-ตาพร่ามัว
📌 เบาหวานเสี่ยงซึมเศร้าเพิ่ม 2 เท่า
📌 วิธีคลายเครียดที่ช่วยลดความเสี่ยง
#โรคเบาหวาน #สุขภาพจิต #กินหวานอย่างพอดี #คลายเครียดอย่างสร้างสรรค์ #ตรวจสุขภาพประจำปี
ปัญหาความเครียดและการบริโภคของหวาน
ในยุคปัจจุบัน ความเครียดกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่เผชิญความเร่งรีบและแรงกดดัน หลายคนหันมาคลายเครียดด้วยการกินของหวาน เช่น ชานมไข่มุก ช็อกโกแลต หรือโดนัท ซึ่งให้ความรู้สึกสบายใจในระยะสั้น แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานในระยะยาว โดยข้อมูลจากกรมควบคุมโรคเผยว่า ในปี 2565 คนไทยป่วยเบาหวานสะสมถึง 3.3 ล้านคน และปี 2566 พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 3 แสนคน
อาการเตือนโรคเบาหวานและความเสี่ยงในคนรุ่นใหม่
โรคเบาหวานมีอาการเตือน เช่น กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลด ตาพร่ามัว อ่อนเพลีย หรือมีแผลเรื้อรังที่เท้า โดยมีทั้งเบาหวานชนิดที่ 1, 2, ขณะตั้งครรภ์ และชนิดที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม การบริโภคของหวานบ่อยครั้งเพื่อคลายเครียด รวมถึงการละเลยการออกกำลังกาย ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มป่วยเป็นเบาหวานมากขึ้น
ความเชื่อมโยงระหว่างโรคเบาหวานและสุขภาพจิต
ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไปถึง 2 เท่า เนื่องจากความเครียดจากการควบคุมโรค เช่น การกินยาอย่างเคร่งครัด หรือการควบคุมอาหาร หากผู้ป่วยละเลยการดูแลตนเอง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ ไต หรือหลอดเลือดสมอง
วิธีจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
นพ. ชาญวัฒน์ ชวนตันติกมล จาก รพ.วิมุต แนะนำว่า ควรลดการบริโภคของหวานและจำกัดน้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน พร้อมแนะนำกิจกรรมคลายเครียดอื่น เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ชอบ เพื่อลดความเสี่ยงโรคเบาหวานในระยะยาว
สุดท้าย นพ.ชาญวัฒน์ ย้ำว่า ความเครียดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงยาก แต่ควรเลือกวิธีจัดการที่เหมาะสม และหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเบาหวานในครอบครัว หรือผู้ที่บริโภคของหวานเป็นประจำ เพื่อป้องกันโรคเบาหวานและรักษาสุขภาพในระยะยาว
Leave a Response