ตำรวจ สภ.บ้านฝาง ต้องหิ้วปีกนายประสิทธิ์ ฆาตกรฆ่าชิงทรัพย์แม่ค้าชาวขอนแก่นซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 9 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 3 จุด ญาติคนตายลั่น ไม่เชื่อว่าทำคนเดียว เพราะรู้จักผู้ต้องหาดี แม้แต่ปลาก็ยังไม่กล้าจะฆ่าทำอาหาร
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง ภายหลังจากประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะไปรับตัว นายประสิทธิ์ จาลา อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ที่ 8 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.126/2564 ลงวันที่14 ก.ค.2564 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพหรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย จากโรงพยาบาลบ้านฝาง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับตัวผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลบ้างฝาง นำมาขึ้นรถตู้ของสภ.บ้านฝาง ซึ่งผู้ต้องหาอยู่ในสภาพอ่อนแรง ต้องหิ้วปีกเดินอย่างช้าๆ โดยนำตัวไปทำแผนยังจุดแรกที่บริเวณริมถนนศรีจันทร์ ใกล้ปากทางเข้าซอยศรีจันทร์ 39 ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของผู้ต้องหาประมาณ 1 กม. เป็นจุดที่ผู้ต้องหาขับขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านมานั่งรอนางกันนิกามารับเพื่อไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ ด้วยกัน
เมื่อทั้งสองเจอกันจึงคุยกันเรื่องซื้อสินค้า โดยผู้ต้องหากล่าวว่า ได้แสร้งบอกนางกันนิกาว่า จะพาไปรับเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ จะมีเอเย่นมาส่งให้ริมถนน บ้านเหล่าโพนทอง ต.บ้านหว้า อ.เมือง จ.ขอนแก่น จากนั้นผู้ต้องหาได้ขับรถแทนนางกันนิกา และพาไปจุดนัดรับสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นจุดที่สองในการทำแผน และเป็นจุดที่นางกันนิกานั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ ผู้ต้องหาได้เปลี่ยนไปนั่งที่แคปหลังเบาะ จากนั้นได้ใช้สายสายเบลท์รถยนต์ที่ประตูแคปด้านซ้ายรัดคอประมาณ 10 นาที นางกันนิกาก็ขาดใจตายคามือ
จากนั้น ผู้ต้องหาได้ขับรถตระเวนหาที่ทิ้งศพ จนไปถึงบริเวณจุดทิ้งศพที่บริเวณป่าละเมาะข้างไร่มันสำปะหลัง ในพื้นที่บ้านเหล่า ต.บ้านเหล่า อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น จากนั้นไปทำแผนที่จุดที่ 3 คือจุดที่ผู้ต้องหา นำรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ผจ 4512 นครปฐม ไปจอดที่หน้าร้านกระจก พื้นที่บ้านสะอาด ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสง ผกก.สภ.บ้านฝาง กล่าวถึงการทำแผนครั้งนี้ว่า หลังจากรับตัวผู้ต้องหาออกจากโรงพยาบาลในจังหวัดตาก เพื่อมาดำเนินคดีที่จังหวัดขอนแก่น ในคดีที่ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์นางกันนิกาจําปา อายุ 44 ปีชาว เมื่อมาถึงอำเภอบ้านฝาง ผู้ต้องหามีร่างกายอ่อยเพลีย จึงต้องเข้ารักษาตัวที่รพ.บ้านฝาง และแพทย์ตรวจดูอาการและให้ยาแล้วอาการดีขึ้น อนุญาตให้นำตัวผู้ต้องหา ออกมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพได้
จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนในจุดสำคัญหลักๆ 3 จุด คือจุดนัดพบกัน จุดลงมือฆ่า และจุดทิ้งศพคนตาย ซึ่งทุกจุดทำตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหา ในส่วนของอาการป่วยจากการกินยาฆ่าตัวตายของผู้ต้องหานั้น จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารู้ว่าตำรวจติดตามจับกุมตัว และกลัวความผิดจึงฆ่าตัวตายหนีความผิด ด้วยการดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำ แต่ไม่ตาย ทั้งยังสารภาพว่า การลงมือฆ่านางกันนิกาในครั้งนี้ ไม่มีใครร่วมคิดวางแผนหรือร่วมลงมือ โดยยอมรับว่าทำเองคนเดียว ส่วนมูลเหตุของการฆ่าชิงทรัพย์นางกันนิกา รับสารภาพว่า เพราะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีเงินใช้หนี้ เห็นผู้ตายพกเงินติดตัวจำนวนมาก จึงลงมือฆ่า เพื่อเอาเงินสดไปใช้หนี้ และเอารถไปขาย เอาเงินมาใช้หนี้
ผกก.สภ.บ้านฝาง กล่าวอีกว่าผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ไม่ได้วางแผนฆ่า และไม่เคยคิดจะฆ่า เพราะนางกันนิกาคือเพื่อนสนิทที่คุยได้ทุกเรื่องและเป็นเพื่อนร่วมวงไฮโล แต่เมื่อถูกทวงหนี้ ก็ไม่มีทางออกจึงตัดสินใจฆ่าชิงทรัพย์เพื่อนตัวเอง และเอารถยนต์ไปส่งให้เพื่อนขายต่อ เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ และหลบหนีไป ซึ่งในการก่อเหตุครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำแผนตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหา แต่ถ้าผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์มีหลักฐานถึงใครอีกก็จะมีการสืบสวนจับกุมมาดำเนินคดีเช่นกัน ส่วนหนี้สินของผู้ต้องหานั้น จากการสอบสวนทราบว่า เคยเช่ารถตู้มาขับรับจ้าง แล้ว เงินขาดมือเพราะเสียพนันไฮโล จึงเอารถตู้ที่เช่ามาไปจำนำร่วมแสนบาท เมื่อถึงกำหนดส่งคืนรถตู้ไม่มีเงินไปไถ่ถอน เจ้าของรถก็ทวงรถ ยืมเงินใครก็ไม่ได้ ถึงทางตันจึงตัดสินใจฆ่าชิงทรัพย์เพื่อนตัวเองดังกล่าว ซึ่งภายหลังการทำแผนเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะได้นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังในเรือนจำจังหวัดขอนแก่นทันที
โดยตลอดระยะเวลาที่ทำแผน ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหิ้วปีกลงจากรถ หิ้วปีกเดิน ผู้ต้องหาทำได้เพียงพยักหน้าและชี้นิ้วในจุดที่ตัวเองก่อเหตุ โดยในจุดที่3 จุดทิ้งศพผู้ตาย มีลูกสาว ปู่ และญาติพี่น้องคนตายมารอดูการทำแผน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่หิ้วปีกผู้ต้องหาลงจากรถ ต่างส่งเสียงตะโกนด่าลั่นไปทั้งป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าควบคุมเอาไว้ และเร่งทำแผนให้เสร็จสิ้น เมื่อเรียบร้อยแล้ว รีบนำผู้ต้องหาออกจากพื้นที่ทันที
นางสาว พัชราภรณ์ คำค้อ 20 ปี ลูกสาวผู้ตาย กล่าวว่า ดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้และนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ญาติพี่น้องยังไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะลงมือทำเพียงคนเดียว อยากให้ตำรวจทำการสืบสวนเพิ่มเติม หาคนผิดมารับโทษตามกฎหมาย คนร้ายฆ่าคนตายได้ ก็ขอให้รับโทษประหารตายไปเลย
ขณะที่ นายคำบุญ พวงเกตุ 58 ปี พ่อปู่คนตาย กล่าวว่า ยังไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาทำคนเดียว และไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาจะกล้าลงมือฆ่าคนตาย เพราะรู้จักกับผู้ต้องหาเป็นอย่างดี ตั้งแต่เด็กจนถึงขณะนี้ แม้แต่ปลาผู้ต้องหายังไม่กล้าฆ่ากิน จะมีใจกล้าฆ่าคนตายได้อย่างไร จึงไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาลงมือทำคนเดียว
Leave a Response