เพลิน เพลิน เวลาเดินมาถึงปลายปี วิถีคนทำงานออฟฟิต ลูกจ้าง มี สองคำที่อิ่มเอมและขวัญเสีย คือ “โบนัส” และ “ตกงาน”
ชีวิต มีมืด มีสว่าง จึงมี โบนัสและตกงาน นี่แหละ….
ฟังผ่าน อ่านข้าม อาจเพียง แอบอิจฉา และโล่งอก ว่าไม่ใช่ฉันที่ตกงาน แต่หากมองลึกลงไป คนทั้งสองกลุ่มอาจเป็นคุณ อาจเป็นเพื่อนคุณ เป็นคนในครอบครัวของคุณ แล้วแบบนี้ จะยังไกลตัวไปไหม…..
ภาวะเศรษฐกิจ ที่หดตัว กำลังซื้อถดถอย ธุรกิจถูกดิสรัป สุดจะเยียวยา กลับตัว ปรับแผนไม่ทันกาล โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิต ที่ต้องใช้เวลาในการปรับตัว ปลายปี-2567 นี้ จึงต้องตัดสินใจ เมื่อเดินทางมาถึง “ซอยตัน” เลิกจ้าง ปลดพนักงาน คนงาน หลายแห่ง อาทิ ช่อง 3 เลิกจ้าง 300 คน, โมโนช่อง 29 เลิกจ้างคนอ่านข่าว ใช้ AI อ่านข่าว, อุตสาหกรรมรถยนต์ อาการหนักสุด โดยเฉพาะรถยนต์สันดาป ที่ยังใช้น้ำมัน อย่าง นิสสัน ฟอร์ด เลิกจ้าง ราว 13,000 คน ไม่รวมผู้ผลิต ชิ้นส่วน อะไหล่ยานยนต์ อีกกว่า 5,000 คน โอววว……แม่เจ้า…..
มองลึกลงไป…พบว่า ปัญหาเหล่านี้ ใช่ว่าจะเพิ่งเกิด แต่มีการส่งสัญญาณมาล่วงหน้า น่าจะเกิน 5 ปี เมื่อเทคโนโลยีมาเร็ว ดุจทอนาโด หลายคนจึงตั้งตัวไม่ทัน ต้องปิดฉาก รูดม่านธุรกิจไป อย่างที่เห็นกัน
คำถาม ถัดมา คือ เมื่อห่วงโซ่ธุรกิจบางตัวล้ม แต่ไม่ลุก อาจลุกลาม เป็นโดมิโน เป็นอาการบาดเจ็บของเศรษฐกิจมหภาค ที่กระจายวงกว้าง การตกงาน การเลิกจ้าง ส่งผลกระทบลงไปถึงครอบครัว เมื่อพวกเขาเป็นเสาหลักทางรายได้ ที่จะจุนเจือครอบครัว
พัน พัน เป็นเรื่องเดียวกับ “หนี้ครัวเรือน” ที่ส่งพลังทางลบ ให้กับกำลังซื้อ และอาจมีปัญหาสังคมตามมาได้อีก รวมทั้ง คดี ปล้น จี้ อาชญากรรม เป็นต้น
วันนี้…ยังไม่ได้ยิน นโยบายรัฐบาล ที่จะเป็น “โภคผล” ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เครื่องยนต์ ตัวเดียวที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจ คือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ก็ยังหายใจรวยริน เพราะยังมีศึกสงคราม มีภัยธรรมชาติ ที่อาจทำให้ คนไม่มีแก่จิต แก่ใจ จะไปเที่ยว เพราะ ห่วงชีวิตมากกว่าไง……
Leave a Response