เมื่อเวลา 15.00น. วันที่ 19 ธ.ค.2567 ร.ต.อ.พงษ์พิชิต ธนาพันธ์ภักดี รอง สว.(สอบสวน)สภ.มัญจาคีรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี คุมตัวนายพงษ์จิต อายุ 54 ปี ชาว บ้านนางาม หมู่ 5 ต.นางาม อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่นมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนสั้นลูกโม่ ขนาด .22 ยิง นาย ทักษิณ อายุ 74 ปี ภายในบ้านกระสุนเข้าที่บริเวณลำตัวฝั่งซ้าย 3 นัด และที่แขนซ้าย 1 นัด รวม 4 นัด ได้รับบาดเจ็บญาติแจ้งเจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลมัญจาคีรี ก่อนส่งต่อโรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลขอนแก่น
ซึ่งตำรวจได้ควบคุมตัวนาย พงษ์จิต ไปชี้จุดที่บริเวณด้านข้างบ้านเลขที่ 189 ซึ่งเป็นบ้านหลังเกิดเหตุ โดยจุดนี้เป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุเดินเข้าทางข้างบ้านแล้วใช้ปืนลูกโม่ขนาด .22 ที่นำติดตัวมาด้วยยิงใส่นายทักษิณ จนได้รับบาดเจ็บขณะกำลังนึ่งข้าวเช้าอยู่บนเตาในห้องครัวหลังบ้าน ก่อนที่จะไปยังจุดที่นายทักษิณ เดินกลับไปที่บ้านซึ่งอยู่ห่างประมาณ 200 เมตร แล้วไปเอาลูกกระสุนปืนใส่รังเพลิงเพิ่ม ก่อนจะตามไปที่บ้านเลขที่ 46 ซึ่งอยู่เบื้องจากบ้านคนเจ็บไปประมาณ 60 เมตร หลังจากคนเจ็บไปขอความช่วยเหลือกับญาติ ซึ่งในจุดนี้ผู้ก่อเหตุได้เดินเข้าไปบริเวณด้านหลังบ้านของญาติคนเจ็บก่อนจะยิงขู่เข้าไป 1 นัด และพบญาติของคนเจ็บซึ่งขอร้องให้คนเจ็บหยุดยิง โดยบอกว่าคนเจ็บตายแล้ว ทำให้นายพงษ์จิต เดินกลับบ้านตัวเองไปและถูกตำรวจเข้าควบคุมตัวในเวลาต่อมา
นายพงษ์จิต กล่าวว่า เป็นเรื่องชู้สาว ซึ่งทั้งภรรยาตนเองและนายทักษิณเล่นชู้ด้วยกันทั้งคู่ และไม่ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวนายพงษ์จิตขึ้นรถกลับไปที่ สภ.มัญจาคีรี ดำเนินคดีในข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่น และความผิดตาม พรบ.อาวุธปืน ซึ่งจากการตรวจสอบปืนพบว่าเป็นปืนที่มีทะเบียนขออนุญาตถูกต้อง และจะมีการควบคุมตัวนายพงษ์จิตส่งฟ้องศาลดำพเนินคดีในข้อหาดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป
นางสมภาร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี น้องสาวของภรรยาผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า หลังจากคนบาดเจ็บถูกยิงเดินโซซัดโซเซมาขอความช่วยเหลือกับตนเอง บอกตนเองว่าถูกยิงมา ซึ่งตนเองก็พยายามถามว่าใครยิงและทำไมถึงยิง แต่คนเจ็บไม่พูดอะไร ก่อนที่คนก่อเหตุจะเข้ามาที่หลังบ้าน แล้วยิงเข้ามา 1 นัดแต่กระสุนไม่โดนใคร และพยายามจะยิงซ้ำ ตนเองจึงเข้าไปกอดและขอร้องว่าอย่ายิงอีกเลย โดยคนยิงถามว่ามันตายยัง ตนเองจึงบอกว่าเขาตายแล้ว ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่าเขาตายแล้วจริงๆ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะยอมกลับไปทันที ตอนนั้นทั้งตกใจและกลัว แต่ก็กล้าที่จะไปกอดขอร้องให้นายพงษ์จิตหยุดยิง จากนั้นก็แจ้งตำรวจ และรถรถกู้ชีพนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นอาการปลอดภัยแล้ว ส่วนแรงจูงใจในการก่อเหตุ ตนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากเรื่องชู้สาวหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
Leave a Response