แผ่นดินไหว 7.8 ต้องใช้มาตราโมเมนต์
ริกเตอร์ (ML) ใช้วัดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก
มาตราโมเมนต์ (Mw) แม่นยำกว่าสำหรับแผ่นดินไหวใหญ่
ความรุนแรง (intensity) วัดจากความเสียหาย
“แมกนิจูด” ไม่ใช่หน่วยวัด แต่หมายถึง “ขนาด”
#แผ่นดินไหว #มาตราวัดแผ่นดินไหว #ข่าวด่วน #ข้อเท็จจริงต้องรู้ #ความเข้าใจผิด
———
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก พบว่าการรายงานข่าวบางแหล่งยังคงใช้คำว่า “ริกเตอร์” หรือ “แมกนิจูด” อย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสับสนเกี่ยวกับมาตราวัดขนาดของแผ่นดินไหว
ริกเตอร์ (Richter magnitude scale หรือ ML)
ริกเตอร์เป็นมาตราวัดขนาดแผ่นดินไหวที่พัฒนาโดย ชาลส์ ฟรานซิส ริกเตอร์ (Charles Francis Richter) ในปี ค.ศ. 1935 โดยใช้ข้อมูลจากคลื่นแผ่นดินไหวที่ตรวจจับได้ผ่านเครื่อง seismograph ซึ่งเหมาะสำหรับแผ่นดินไหวขนาดเล็กถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม มาตราริกเตอร์มีข้อจำกัด คือไม่สามารถใช้วัดแผ่นดินไหวที่มีขนาดมากกว่า 7 ได้อย่างแม่นยำ
มาตราโมเมนต์ (Moment Magnitude Scale หรือ Mw)
เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของริกเตอร์ นักวิทยาศาสตร์จึงพัฒนามาตราวัดขนาดแผ่นดินไหวแบบใหม่ที่เรียกว่า มาตราโมเมนต์ (Mw) ซึ่งสามารถใช้วัดขนาดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้อย่างแม่นยำกว่า และปัจจุบันถือเป็นมาตราวัดมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก
“แมกนิจูด” ไม่ใช่หน่วยวัด
“แมกนิจูด” (magnitude) ในภาษาอังกฤษหมายถึง “ขนาด” ของแผ่นดินไหว แต่ไม่ใช่ชื่อของหน่วยวัด เช่น 7.8 magnitude earthquake แปลว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.8 ไม่จำเป็นต้องเติมคำว่า “แมกนิจูด” ต่อท้ายในภาษาไทย
ความรุนแรงของแผ่นดินไหว (intensity)
นอกจากขนาดของแผ่นดินไหวแล้ว ยังมีอีกค่าหนึ่งที่ใช้วัดผลกระทบของแผ่นดินไหวคือ “ความรุนแรง” (intensity) ซึ่งประเมินจาก ระดับการสั่นสะเทือนและความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยมาตราที่นิยมใช้คือ มาตราเมอร์คัลลิ (Mercalli Scale) ซึ่งแบ่งออกเป็น 12 ระดับ โดยระดับ I (1) แทบไม่รู้สึก ไปจนถึงระดับ XII (12) ซึ่งก่อให้เกิดการทำลายล้างสูงสุด
สรุปการใช้คำให้ถูกต้องในข่าวแผ่นดินไหว
“เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ตามมาตราโมเมนต์”
“เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8”
“เกิดแผ่นดินไหวแมกนิจูด 7.8”
“เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์”
“เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูด”
Leave a Response