แบตเสื่อมหรือหมดพลังงาน
ไดสตาร์ทมีปัญหา เครื่องไม่หมุน
คอยล์จุดระเบิดเสีย ไม่มีประกายไฟ
ปั๊มติ๊กเสีย น้ำมันไม่ถึงเครื่องยนต์
ใช้กุญแจผี เครื่องยนต์ไม่ยอมทำงาน
#รถสตาร์ทไม่ติด
#เช็กสาเหตุรถเสีย
#เคล็ดลับดูแลรถ
#ซ่อมรถเบื้องต้น
#ช่างยนต์แนะนำ
ปัญหารถสตาร์ทไม่ติดเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่ผู้ใช้รถมักพบเจอ โดยเฉพาะในช่วงเร่งรีบหรือระหว่างเดินทาง ล่าสุดมีการรวบรวม 5 สาเหตุหลักที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด พร้อมวิธีสังเกตอาการเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถวิเคราะห์และเตรียมรับมือได้อย่างทันท่วงที
- แบตเตอรี่เสื่อมหรือหมดพลังงาน
ถือเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการสตาร์ทไม่ติด เพราะแบตเตอรี่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟให้กับระบบสตาร์ท อาการที่พบบ่อยคือไฟหน้าปัดหรี่ลง สตาร์ทแล้วเสียงอืด หรือมีไฟเตือนแบตโชว์ขึ้นที่หน้าปัดรถ - ไดสตาร์ทเสื่อมสภาพ
ไดสตาร์ทเป็นกลไกที่ทำให้เครื่องยนต์เริ่มหมุน หากมีปัญหาหรือหมดอายุการใช้งาน เครื่องยนต์จะไม่หมุนเมื่อบิดกุญแจ อาจมีเสียงแปลกๆ หรือไม่มีเสียงใดๆ เลยขณะสตาร์ท - คอยล์จุดระเบิดเสีย
คอยล์ทำหน้าที่แปลงไฟจากแบตเตอรี่ให้แรงพอที่จะจุดระเบิดในกระบอกสูบ หากคอยล์เสีย เครื่องยนต์จะสั่น กระตุก หรือติดแล้วดับทันที บางครั้งอาการจะคล้ายรถไม่มีแรงหรือเหมือนจะดับกลางทาง - ปั๊มติ๊กเสีย
ปั๊มติ๊กทำหน้าที่สูบน้ำมันจากถังไปยังเครื่องยนต์ หากเสีย น้ำมันจะไม่สามารถไปถึงเครื่องยนต์ ส่งผลให้เครื่องสตาร์ทไม่ติด โดยเฉพาะรถที่วิ่งไปแล้วดับกลางทาง หรือสตาร์ทแล้วไม่มีเสียงปั๊มติ๊กทำงาน - ใช้กุญแจผี หรือระบบ Immobilizer ไม่อ่านกุญแจ
ในรถที่มีกุญแจระบบ Immobilizer หากใช้กุญแจที่ไม่ได้จูนกับระบบ จะทำให้เครื่องยนต์ไม่ตอบสนอง หรือสตาร์ทไม่ติดเลย เป็นระบบความปลอดภัยของรถยุคใหม่ที่ป้องกันการขโมยด้วยการดัดแปลงกุญแจ
ทั้งนี้ หากพบว่ารถมีปัญหาในการสตาร์ท ควรตรวจสอบตามลำดับเบื้องต้น และหากยังไม่สามารถแก้ไขได้ ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ หรือขอความช่วยเหลือจากศูนย์บริการ เพราะปัญหาดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าหรือเครื่องยนต์ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญในการซ่อมบำรุง การหมั่นตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเหล่านี้
Leave a Response