🛢️ 5 เรื่องต้องรู้! น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ใช้ดีไหม เปลี่ยนถ่ายเมื่อไหร่?

OIG1.NDjjLgR

⚖️ “กึ่งสังเคราะห์” ไม่ได้ผสม 50%
🔥 คุณสมบัติดีขึ้นแม้ใส่สารสังเคราะห์น้อย
📆 เปลี่ยนถ่ายได้ทุก 10,000 กม.
🚗 ใช้งานทั่วไปก็เพียงพอ ไม่ต้องถึงสังเคราะห์แท้
🧊 เลือกความหนืดให้เหมาะ สำคัญกว่าแบรนด์#น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์
#รถยนต์มือสองต้องรู้
#บำรุงรถยนต์
#ความรู้เรื่องรถ
#ดูแลรถให้ถูกวิธี

ผู้ใช้รถหลายคนอาจยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ “น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi-synthetic)” ว่าคืออะไร และเหมาะสมกับการใช้งานแบบใด ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์จึงรวบรวม 5 เรื่องสำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้น้ำมันเครื่องประเภทนี้ เพื่อให้ทั้งมือใหม่และผู้ใช้รถมายาวนานเข้าใจตรงกันมากขึ้น

  1. ไม่ได้มีส่วนผสมสังเคราะห์ “ครึ่งต่อครึ่ง”
    ชื่อ “กึ่งสังเคราะห์” ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นการผสมน้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์และแร่ในอัตราส่วน 50/50 แต่ความจริงแล้ว น้ำมันพื้นฐานสังเคราะห์ในน้ำมันเครื่องประเภทนี้มีเพียง 10-30% เท่านั้น ที่เหลือยังคงเป็นน้ำมันพื้นฐานแร่ที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพ
  2. คุณสมบัติ “ก้ำกึ่ง” ไม่ได้แย่เสมอไป
    แม้จะมีสัดส่วนน้ำมันสังเคราะห์น้อย แต่น้ำมันกึ่งสังเคราะห์ยังมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าน้ำมันแร่ธรรมดาอย่างชัดเจน เช่น การทนความร้อนได้ดี ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ และมีอายุการใช้งานนานขึ้น
  3. สามารถเปลี่ยนถ่ายทุก 10,000 กิโลเมตร
    ระยะเปลี่ยนถ่ายที่เหมาะสมอยู่ที่ 7,000 – 10,000 กิโลเมตร หรือประมาณ 6-9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและยี่ห้อของน้ำมันเครื่อง แต่ในภาพรวม การเปลี่ยนถ่ายทุก 10,000 กิโลเมตรถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
  4. ไม่ได้ด้อยกว่าสังเคราะห์แท้เสมอไป
    น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้อาจให้ประสิทธิภาพโดยรวมสูงกว่า แต่หากคุณขับรถใช้งานทั่วไป ไม่ได้ขับแบบสมรรถนะสูงหรือในสภาพอากาศสุดขั้ว น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ก็เพียงพอและคุ้มค่ามากพอแล้ว
  5. การเลือกเกรดความหนืด (SAE) สำคัญกว่า
    สิ่งที่ผู้ใช้รถควรใส่ใจเป็นพิเศษคือ “ค่าความหนืด” หรือ SAE ซึ่งต้องสอดคล้องกับคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์ ทั้งตามรุ่น อายุการใช้งานของเครื่องยนต์ และสภาพภูมิอากาศมากกว่าการโฟกัสที่ประเภทของน้ำมันเพียงอย่างเดียว

สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าน้ำมันเครื่องจะเป็นแบบใด หากหมั่นตรวจเช็ก เปลี่ยนถ่ายตรงตามระยะ และเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานของรถยนต์ ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องยนต์ และประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้อย่างดีเยี่ยม

ทีมข่าวขอนแก่นลิงก์

Leave a Response

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง