ความเชื่อผิด! เติมน้ำมันตอนเช้าไม่ได้ช่วยประหยัดมากอย่างที่คิด
น้ำมันขยายตัวจริง แต่ผลต่างเล็กน้อย
ปั๊มน้ำมันมีระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
เติมเวลาไหนก็ได้ ปริมาณเท่ากัน
โปรโมชั่น-การดูแลรถ ส่งผลมากกว่า
เติมช้า รอฟองยุบ ช่วยได้เล็กน้อย
#เติมน้ำมันตอนไหนก็เหมือนกัน
#ความเชื่อผิดเรื่องน้ำมัน
#ปั๊มน้ำมันยุคใหม่มีATC
#ประหยัดจริงต้องดูที่การใช้รถ
#เคล็ดลับขับขี่ประหยัดยังคงเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างต่อเนื่องกับคำถามยอดฮิต “เติมน้ำมันตอนไหนดีที่สุด? เช้า กลางวัน เย็น?” โดยความเชื่อที่แพร่หลายคือ การเติมน้ำมันในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งอุณหภูมิต่ำ จะได้ปริมาณน้ำมันมากกว่า เพราะน้ำมันจะขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น แต่ข้อเท็จจริงจากผู้เชี่ยวชาญกลับไม่สนับสนุนแนวคิดนี้มากนัก
ความเชื่อเรื่องการเติมน้ำมันตอนเช้านั้นมีรากฐานจากหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า ของเหลวจะหดตัวในที่เย็นและขยายตัวในที่ร้อน จึงมีความเข้าใจว่าการเติมน้ำมันตอนเช้าจะได้ “เนื้อน้ำมัน” มากกว่าจากปริมาตรเท่าเดิม แต่ในความเป็นจริง ความแตกต่างทางปริมาณที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิภายนอกนั้นน้อยมากจนไม่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในระดับที่สัมผัสได้จริง
เหตุผลสำคัญคือปั๊มน้ำมันยุคใหม่ส่วนใหญ่ติดตั้งระบบวัดปริมาณแบบ Automatic Temperature Compensation (ATC) หรือระบบชดเชยอุณหภูมิอัตโนมัติ โดยระบบจะทำการปรับค่าปริมาตรน้ำมันให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส จึงไม่ว่าอุณหภูมิของน้ำมันในถังใต้ดินจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร น้ำมันที่คุณได้รับจากหัวจ่ายจะมีปริมาณที่แม่นยำและเที่ยงตรงไม่ต่างกัน
ดังนั้น ปัจจัยที่ควรคำนึงมากกว่าคือเรื่องอื่น ๆ เช่น ความถี่ในการเติม การเติมในปริมาณเหมาะสมกับการใช้งาน ไม่รอให้น้ำมันแห้งถึงค่อยเติมเต็มถัง หรือแม้แต่วิธีการเติมน้ำมันเอง เช่น การเติมช้า ๆ เพื่อให้ฟองอากาศในถังยุบตัวลง ก็สามารถช่วยให้ได้น้ำมันที่แน่นเต็มถังมากขึ้นเล็กน้อย
อีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลชัดเจนกว่าการเลือกเวลาเติมน้ำมันคือการเลือกช่วงโปรโมชั่นหรือใช้บัตรสะสมแต้ม รวมถึงการดูแลบำรุงรักษารถให้ดีอยู่เสมอ เพราะรถที่มีระบบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังสมบูรณ์จะช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้จริง
แม้หลักฟิสิกส์จะบอกว่าน้ำมันขยายตัวและหดตัวตามอุณหภูมิจริง แต่ด้วยเทคโนโลยีของปั๊มน้ำมันในปัจจุบัน การเติมน้ำมันในช่วงเวลาใดของวันจึงไม่มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อจำนวนลิตรที่คุณได้รับ
Leave a Response